สรุปประโยชน์ของการดื่มชาหมักคอมบูชะ

โดยมีงานศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่สนับสนุนคุณสมบัติในการส่งเสริมสุขภาพของชาหมัก ดังนี้

• ปรับสมดุลลำไส้

    ชาหมักคอมบูชะ Scoby doit อุดมไปด้วยจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ช่วยกระตุ้นการย่อยอาหาร และช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียไม่ดี รักษาสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้

• เสริมภูมิคุ้มกัน... 

     เมื่อระบบการย่อยอาหาร มีความราบรื่น การทำงานของลำไส้ทำงานได้อย่างดีและเป็นปกติ เกิดจากภายในลำใส้ มีจุลินทรีย์ชนิดดีมากกว่าชนิดไม่ดี ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติของร่างกาย ทำให้เสี่ยงเป็นหวัดน้อยลง และช่วยลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อต่าง ๆ ด้วยเช่นกัน

• สารฟลาโวนอยด์  ปกป้องเซลล์ต่าง ๆ ไม่ให้ถูกทำลาย 

     สารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องเซลล์ต่าง ๆ ไม่ให้ถูกทำลาย คือสารที่อยู่ในใบชา ไม่ว่าจะเป็น ชาเขียว , ชาดำ ,ชาขาว ล้วนมีสารฟลาโวนอยด์ ทั้งสิ้น...  สารต้านอนุมูลอิสระ เพิ่มภูมิต้านทานและ ยับยั้งโรค  นอกเหนือจากการช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานไดัดียิ่งขึ้นแล้ว ยังช่วยลดการเกิดโรคมะเร็ง ป้องกันการเกิดโรคไขข้ออักเสบ  ช่วยในการล้างสารพิษในเลือดและระบบย่อยอาหาร ,  ส่งเสริมการทำงานของตับ รวมทั้งช่วยลดระดับคลอเรสเตอรอลในเลือดได้อีกด้วย

• คอมบูชะ …ตัวช่วยชั้นยอด ของเป้าหมายการลดน้ำหนัก
      เครื่องดื่มชาหมัก คอมบูชะ มีกรดที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ  ที่เราเรียกว่า กรดแอซีติก ( Acetic Acid ) กรดแอซีติกนี้ มีคุณสมบัติ เป็นตัวช่วยในการลดน้ำหนัก โดย สารจากชาดำช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือด และหากดื่มคอมบูชะที่ใช้ชาเขียวในกระบวนการหมัก  ก็จะได้สรรพคุณช่วยในการเผาผลาญไขมัน ทำให้ การลดน้ำหนัก ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น  ( ไม่ควรเติมน้ำตาลเพิ่ม) และในระยะเวลาการหมักควรจะอยู่ในช่วง 10 วัน ขึ้นไป หรือไม่เกิน 15 วัน ( ขึ้นอยู่ปัจจัยสภาวะการหมักในแต่ละครั้ง )

• ชาหมักคอมบูชะ ดื่มแล้ว…ดีต่อใจ
        คุณประโยชน์ของชาหมักคอมบูชะ  ที่นอกเหนือจาก การปรับสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้ และช่วยระบบทางเดินอาหารให้ดีขึ้นแล้ว โปรไบโอติก ยังส่งผลกับอารมณ์และการทำงานสมองอีกด้วย ... โดยมีการศึกษาจาก APC Microbiome Ireland  ชี้ว่าการรับประทานอาหารที่อุดมด้วย พรีไบโอติก และอาหารหมักดอง สามารถช่วยให้ รู้สึกเครียดน้อยลง 
        โดยนักวิจัยยังพบอีกว่า อาหารประเภท  Psychobiotic หรือ ไซโคไบโอติกส์ หรือที่เรียกว่า “จิตไบโอติก” ยังช่วยปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับอีกด้วย การวิจัยแสดงให้เห็นอีกว่า แกนลำไส้และสมอง ทั้งสองเชื่อมโยงกัน โดยผ่านการส่งสัญญาณทางชีวเคมี ระหว่างระบบประสาทในระบบทางเดินอาหารที่เรียกว่า “ระบบประสาทในลำไส้” ( enteric nervous system ) และ “ระบบประสาทส่วนกลาง” central nervous system ซึ่งรวมถึงสมอง เส้นประสาทนี้ เรียกว่า เส้นประสาทเวกัส vagus nerve ซึ่งเป็นเส้นประสาทที่ยาวที่สุดในร่างกาย

ดังนั้น ลำไส้ถูกขนานนามว่า "สมองที่สอง" 

     ...  เนื่องจากลำไส้ มีระบบการทำงานที่ซับซ้อน และสามารถผลิตสารสื่อประสาทหลายชนิดเช่นเดียวกับสมอง อาทิ เซโรโทนิน , โดพามีน และกรดแกมมาอะมิโนบิวทีริก ซึ่งทั้งหมดนี้ มีบทบาทสำคัญในการควบคุมอารมณ์ และมีการประเมินว่า 90% ของเซโรโทนินถูกสร้างขึ้นในทางเดินอาหาร